▼
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555
เรื่องเล่าเมื่อคืนนี้..ที่ปากเกร็ด
บางคนไม่รู้หรอกว่า บางเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น
บางทีมันยิ่งกว่าฝันไปและอยู่นอกเหนือจากกฎเกณฑ์ กติกาใดๆ ทั้งสิ้น
มนุษย์ที่เกิดมา ล้วนต้องพานพบกับสิ่งต่างๆ ทั้งเรื่องร้าย และดีปะปนกันไป
๒๘ ก.ย.๕๕ เวียนมาครบอีกรอบหนึ่ง
ณ บ้านหลังหนึ่ง แถวๆ ห้าแยกปากเกร็ด
๑๙.๓๐ เศษ บรรยากาศรอบๆ บ้านคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
นี่คือบรรยากาศเก่าๆ หลังจากเงียบหายไปเมื่อปีที่แล้ว เพราะน้ำกำลังจะท่วม
เวทีเล็กๆ พร้อมกับเครื่องดนตรี สองสามชิ้น ขณะที่นักดนตรีกำลังขับกล่อมด้วยเพลงหลากสไตล์
เสียงทักทายเจือยแจ้ว จากผู้มาเยือนดังไม่ขาดระยะ
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้คนในบรรยากาศคืนนี้ แสดงให้เห็นว่า ทุกๆ คนกำลังมีความสุข
ฝนปรอยๆ ที่ตกลงมาตลอดทั้งวันจนถึงเวลานี้ มันไม่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป
ทุกคนสนุกสนาน
เสียงโฆษกบนเวทีประกาศเชิญเจ้าภาพ กล่าวกับแขกผู้มีเกียรติ
เรายังคิดไปเรื่อยๆ ว่าทำไมมันเป็นทางการจังเลยวุ๊ย
อ้าว..คุณแม่วันหกสิบเศษๆ เกือบเจ็ดสิบ เดินขึ้นไปบนเวที
แล้วกล่าวด้วยเสียงนุ่มๆ ตามแบบฉบับและสไตล์ผู้สูงวัย
"จริงๆ แล้ววันนี้ จะมีการเปิดตัวว่าที่ลูกสะไภ้ ที่เจ้าลูกชายคบหากันมาตั้งแต่เค้าอยู่เมืองนอกเมืองนา"
เสียงฮือฮา พร้อมเสียงปรบมือสนั่น
"เปิดตัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงคนตะโกนพร้อมกันไม่ขาดระยะ
"แต่ก็......." แม่หยุดพูดแล้วเว้นระยะ "ไม่มีโอกาสได้เปิดตัวแล้วล่ะ"
"โห่ๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงดังลั่นอีกครั้ง
แม่กล่าวคำขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเดินลงเวที
สักพักท่านผู้หญิงกฤติวลัย (ขอสงวนนามสกุล) เดินเข้ามาหาพร้อมลูกสาวคนสวย
"ไหว้พี่ กะคุณย่าซะสิ ลูกหญิง"
เราตกใจเล็กน้อย ที่จู่ๆ สาวน้อยหน้าใส ที่พึ่งจบแพทย์มาหมาดๆ เมื่อปีที่แล้ว มายืนอยู่ตรงหน้า
"เชิญๆ ค่ะ ท่านผู้หญิง" แม่เชื้อเชิญให้นั่งอย่างคนสนิทคุ้นเคย
สักพัก ประโยคหนึ่งที่ทำให้ใจผมแทบหยุดเต้น
"ไหนๆ ว่าที่ลูกสะไภ้ที่พี่คาดหวัง ไม่ได้มาแล้ว น้องขอยกน้องหญิงให้เป็นสะไภ้แทนก็แล้วกัน"
-----------------------------------------------------------------
๒๒ นาฬิกาเศษ เป็นครั้งแรกที่เราได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสอง
หลังจากที่แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับไปบ้างแล้ว
เสียงเพลง และเสียงดนตรีเงียบลง
คงเหลือไว้เพียงเสียงลมหายใจของสาวน้อยและหนุ่มใหญ่ (รึแก่หว่า!)
ผมของน้องที่ยาวสลวย พร้อมกับดวงตากลมโต ที่รับใบหน้ารูปไข่
"พี่คะ" เสียงเล็กๆ อบอุ่นที่แสดงถึงความอาทร
"อือ" จำได้ว่าเป็นเสียงที่เล็ดลอดเบาๆ จากลำคอของเราเอง
"ไม่สบายหรือเปล่า มัยหน้าพี่เครียดจังเลย" เสียงหวานนุ่มลึกใสๆ
"เปล่านี่" ไร้หางเสียง ห้วนได้อีก (นิสสัย)
"หญิงเป็นห่วงนะคะ" น้ำเสียงเธออ่อนโยน จนบรรยายไม่ถูก
"ไม่เป็นอะไรจริงๆ ขอโทษนะ พี่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ" ง่ะ...ดูเอาเถอะ คนเรา
"ไม่ค่ะ หญิงจะอยู่เป็นเพื่อนพี่" พร้อมกับยื่นมือน้อยๆ มาจับที่มือเรา
เสียงกระแอมเบาๆ จากหญิงสูงวัยสองท่านที่เดินเข้ามาใกล้ ทำให้น้องหญิงรีบดึงมือกลับ
"ดึกแล้ว หญิงกับคุณแม่กลับก่อน แล้วจะโทรหานะคะ"
เราแทบไม่ได้ยินหรือใส่ใจประโยคนี้เลย แถมทำหน้าเหม่อๆ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ซะอีก
๐๗.๓๐......จากคนๆ คนที่เคยมีใจกันอยู่ เปลี่ยนไปเป็นไม่มีเยื่อใยต่อกัน อยากลืมๆ ทุกสิ่งลบล้างเรื่องวันวาน
หากเราไม่เห็นกันคงลืมกันได้ หนักใจตรงที่ความจำเป็นบางอย่าง กดดันทำให้เราเจอกันต่อไป......
เสียงเพลง "ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ" ดังมาจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียง
"สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่...หญิงเอง"
เงียบ....
"คุณแม่เชิญพี่...ทานข้าวเที่ยงที่บ้านค่ะ" เสียงหวานนุ่มนวล ทำเอาเราตาสว่างทันใด
"ครับ" ปากเจ้ากรรมดันรับปากซะงั้น ทั้งๆ ที่สมองยังไม่ได้สั่งการเลย
"ไว้เจอกันนะคะ" ก่อนปลายสายจะจบการสนทนาแบบสั้นๆ
-------------------
ณ บ้านหลังใหญ่ริม ถ.แจ้งวัฒนะ ใกล้ๆ ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
หลังจากจอดรถเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว
"สวัสดีครับท่านผู้หญิง สวัสดีครับน้องหญิง" เรากล่าวสวัสดีท่านทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"เรียกแม่ก็ได้นะ คนกันเองนะลูก" ง่ะ...ทำตัวไม่ถูกเลยเรา
"รถติดรึเปล่าคะ" น้องหญิงถาม ท่าทางตื่นเต้นนิดๆ (แอบเห็น)
เรานึกในใจ "ถ้าไม่ติด จะมาได้ยังไงอ่ะ" แต่ไม่พูดหรอก เด๋วเสียมารยาท
"อ่อ ติดพอควรครับคุณแม่" ได้ทีเอาซะหน่อย..อิอิ
"มาๆ เที่ยงแล้ว ไปที่โต๊ะอาหารเลย นี่ๆ ของชอบลูกทั้งนั้น" แล้วรู้ได้ไง ว่าเราชอบอย่างโน้น อย่างนี้ (งงอ่ะ)
ยอมรับว่าอาหารบนโต๊ะ น่าทานทั้งนั้นเลย แต่...มัยไม่ยักกะหิวหว่า...หรือว่าเราตื่นเต้น ไม่น่าจะใช่นะ...
"ทานเยอะๆ นะลูก" ท่านผู้หญิงพูดพร้อมกับตักเนื้อปลาชิ้นเบ้อเริ่มมาวางที่จานเรา (แอบเห็นน้องหญิงค้อนด้วยล่ะ อิอิ)
ยอมรับว่าทานได้นิดเดียวจริงๆ มันจุกอยู่ที่คอหอย พอนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่พึ่งผ่านเข้ามาในชีวิต
"อ้าว..อิ่มแล้วหรือลูก"
"ครับคุณแม่" เราตอบพร้อมวางแก้วน้ำดื่ม
"ทานข้าวเสร็จ เดี๋ยวอยู่คุยกะน้องหญิงก่อนนะ อย่าพึ่งกลับ" เสียงอ่อนโยน จนนึกว่าเราฝันไป
"ครับ" เง้อ..ตอบแบบไม่คิดอีกแล้วนะ
----------------------
ณ สวนหย่อมหลังบ้านอันร่มรื่น
"ดูหน้าพี่...เครียดๆ นะคะ"
"เปล่านี่ ก็เหมือนเดิมล่ะ คิดมากน่า" แหะ...เริ่มพูดไม่มีหางเสียงอีกแล้ว
"มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ก็ระบายกะหญิงได้นะคะ" ประโยคนี้ทำเอาเรารีบหันไปมองหน้าน้องหญิงแบบซึ้งน้ำใจ
"ไม่มีอะไรไง พี่จะกลับแล้วนะ" ดูๆ เอาเถอะ นิสัยคนเรา
"ค่ะ"
"เดี๋ยวพี่ไปลาคุณแม่ก่อนนะครับ"
แล้วเราก็ขับรถออกจากบ้านน้องหญิงด้วยสายตาเหม่อลอยเหมือนเดิม
ชีวิตต้องเดินต่อไปสินะ
-------- จบแล้วสำหรับวันนี้------------
วันพรุ่งนี้ น่าจะมีเรื่องตื่นเต้นมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น