"....ระฆังแห่งพฤษภา..."
๑)....กูตีนเปื่อยมือเปล่าเข้าบางกอก
คนเขาบอกแดนดินอินทร์รักษา
เป็นเมืองหลวงปวงเทพไท้เทวา
นคราเฟื่องฟูดูวิไล
คนเขาบอกแดนดินอินทร์รักษา
เป็นเมืองหลวงปวงเทพไท้เทวา
นคราเฟื่องฟูดูวิไล
๒)....กูจะรึงระฆังเคาะดังลั่น
ตีจนสุดเสียงสั่นให้หวั่นไหว
ก้องกังวานร้องตรึงถึงฟ้าไกล
ว่าอธิปไตยกูถูกชิง
ตีจนสุดเสียงสั่นให้หวั่นไหว
ก้องกังวานร้องตรึงถึงฟ้าไกล
ว่าอธิปไตยกูถูกชิง
๓)....พวกใส่สูทนอกสภาเข้ามาปล้น
มันฉ้อฉลแปดเปื้อนเหมือนผีสิง
หวังอำนาจบาตรใหญ่ไปแอบอิง
เยี่ยงปลวกปลิงเกาะคลานลานเรือนกาย
มันฉ้อฉลแปดเปื้อนเหมือนผีสิง
หวังอำนาจบาตรใหญ่ไปแอบอิง
เยี่ยงปลวกปลิงเกาะคลานลานเรือนกาย
๔)....กูจึงทิ้งถิ่นพงจากดงด้าว
แล้วอย่างก้าวมุ่งหน้าหาจุดหมาย
ด้วยความคิดหวังวนปนประกาย
ให้โชนฉายเท่าทั่วถ้วนตัวคน
แล้วอย่างก้าวมุ่งหน้าหาจุดหมาย
ด้วยความคิดหวังวนปนประกาย
ให้โชนฉายเท่าทั่วถ้วนตัวคน
๕)....ไม่มีระฆัง.....ให้ร้องทุกข์
แต่ที่ปลุกดวงจิตคิดสับสน
คือแผดปืนกึกก้องยิงผองชน
เลือดรินล้นท้นทับกับนาคร
แต่ที่ปลุกดวงจิตคิดสับสน
คือแผดปืนกึกก้องยิงผองชน
เลือดรินล้นท้นทับกับนาคร
๖)....ทั้งลูกเมียรอคอยอยู่เบื้องหลัง
ไร้เสียงสั่งฝากฝังสู่สิงขร
ขาดเข็มราชอิสราเครื่องอาภรณ์
อนุสรณ์ที่เห็น....เป็นวิญญาณ
ไร้เสียงสั่งฝากฝังสู่สิงขร
ขาดเข็มราชอิสราเครื่องอาภรณ์
อนุสรณ์ที่เห็น....เป็นวิญญาณ
๗)....เมื่อหนึ่งคนหนึ่งหายใจในหนึ่งสิทธิ์
ไฉนบิดเบือนลากพรากไปผลาญ
กูก็หนึ่งเผ่าไทยในวงศ์วาน
ไยสังหารเฉือดเฉือนเหมือนผักปลา
ไฉนบิดเบือนลากพรากไปผลาญ
กูก็หนึ่งเผ่าไทยในวงศ์วาน
ไยสังหารเฉือดเฉือนเหมือนผักปลา
๘)....ก่อนจะล่วงร่างลาชีวาดับ
สัญญากับธรณีใต้เวหา
ขอจองเวรความแค้นแน่นอุรา
จากขั้วหล้าถึงเหวอเวจี
สัญญากับธรณีใต้เวหา
ขอจองเวรความแค้นแน่นอุรา
จากขั้วหล้าถึงเหวอเวจี
๙)....สองดวงตาเหม่อลอยค่อยค่อยปิด
มืดสนิทเพ่งทีไรไม่เห็นสี
เฮือกสุดท้ายเขียนอากาศวาดเมฆี
ตัวเหยียดเกร็งแล้วชี้.....ที่โพ้นฟ้า.
.
.......ขอคารวะแด่นักสู้ธุลีดินทุกท่านด้วยจิตคารวะ
.
รำลึก..บันทึก เขียนคำร้อยกรองโดยท่าน ทองลำอู่ ชโลมจันทน์
มืดสนิทเพ่งทีไรไม่เห็นสี
เฮือกสุดท้ายเขียนอากาศวาดเมฆี
ตัวเหยียดเกร็งแล้วชี้.....ที่โพ้นฟ้า.
.
.......ขอคารวะแด่นักสู้ธุลีดินทุกท่านด้วยจิตคารวะ
.
รำลึก..บันทึก เขียนคำร้อยกรองโดยท่าน ทองลำอู่ ชโลมจันทน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น